พระราชบัญญัติคู่ชีวิตคืออะไร

ปัจจุบันได้มีการยกร่าง พระราชบัญญัติคู่ชีวิตขึ้น ประกอบด้วย 4 หมวด หมวด 1 ว่าด้วยเรื่องการจดทะเบียนคู่ชีวิต หมวด 2 ว่าด้วยเรื่องการเป็นคู่ชีวิต หมวด 3 ว่าด้วยเรื่องบุตรบุญธรรม หมวด 4 ว่าด้วยเรื่องมรดก มีมาตราประมาณ 50 มาตรา โดยตอนนี้ร่างพ.ร.บ.คู่ชีวิตได้ผ่านการพิจารณาในชั้นคณะกรรมการกฤษฎีกาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ก็เพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่คู่รักเพศเดียวกัน 

ทำไมเราถึงควรสนับสนุนให้มีการร่างพระราชบัญญัติคู่ชีวิต

คู่รักเพศเดียวกันไม่สามารถจดทะเบียนสมรสได้ตามกฎหมาย เมื่อมีกรณีที่เกี่ยวกับกฎหมายบางอย่างคู่รักเพศเดียวกันย่อมถูกจำกัดสิทธิเพราะไม่ใช่สามีภริยาที่ถูกต้องตามกฎหมายจึงไม่อาจกระทำการใดก็ตามที่กฎหมายกำหนดไว้ในเรื่องของสามีภริยาได้ เพราะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์กำหนดไว้ว่าชายหญิงเท่านั้นที่จะสามารถจดทะเบียนสมรสกันได้ตามกฎหมาย เมื่อเช่นนั้นแล้วปัญหาในเรื่องการถูกจำกัดสิทธิจึงเกิดขึ้น อย่างเช่น

กรณีที่ไม่สามารถกู้ซื้อบ้าน ซื้อรถร่วมกันได้ เพราะถ้าจะกู้เงินซื้อบ้านซื้อรถร่วมกันได้จะต้องมีความสัมพันธ์กันเช่น พ่อ-ลูก แม่-ลูก สามี-ภรรยาที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย

กรณีมรดก มรดกไม่อาจตกทอดได้ถ้าไม่ใช่ทายาทโดยธรรมตามที่กฎหมายกำหนด กล่าวคือถ้าไม่ใช่ พ่อ แม่ บุตร สามีหรือภรรยาที่จดทะเบียนสมรสถูกต้องตามกฎหมาย พี่น้องพ่อแม่เดียวกัน พี่น้องพ่อหรือแม่เดียวกัน ลุง ป้า น้า อา ปู่ ย่า ตา ยาย แล้วนั้นก็จะไม่มีสิทธิ์ได้รับมรดกตามกฎหมายกำหนดเลย นอกเสียจากว่าจะได้ทำพินัยกรรมไว้

กรณีการผ่าตัด การรับการรักษาทางการแพทย์ บุคคลที่จะสามารถเซ็นต์เอกสารให้การยินยอมในการรับการรักษาหรือแม้กระทั่งการงดเว้นการรักษาได้ก็ต้องเป็น พ่อ แม่ บุตร สามีหรือภรรยาที่จดทะเบียนสมรสถูกต้องตามกฎหมาย

กรณีที่กล่าวไปข้างต้นนั้นย่อมเป็นปัญหาแก่คู่รักเพศเดียวกันในการที่จะใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน ดังนั้นจึงต้องมีการยกร่างพระราชบัญญัติคู่ชีวิตขึ้น ซึ่งในพระราชบัญญัตินั้นจะมีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการอยู่ร่วมกัน และความสัมพันธ์ระหว่างคู่ชีวิต รวมถึงมีการรับรองให้สามารถกระทำการต่างๆได้เหมือนคู่สมรสทุกประการ แต่จะไม่เรียกการจดทะเบียนดังกล่าวว่าจดทะเบียนสมรส จะเรียกว่า จดทะเบียนคู่ชีวิต ส่วนการหย่าร้างกันจะเรียกว่า จดทะเบียนเลิกกัน ทั้งนี้ไม่ว่าเพศไหนก็สามารถจดทะเบียนคู่ชีวิตได้ ไม่ว่าจะเป็น ชายจดทะเบียนคู่ชีวิตกับชาย หรือหญิงจดทะเบียนคู่ชีวิตกับหญิง ซึ่งจะแตกต่างจากการสมรสที่กำหนดให้ชายจดทะเบียนสมรสกับหญิงเท่านั้น

ปัจจุบันพระราชบัญญัติคู่ชีวิตนั้นยังไม่ได้มีการประกาศใช้เนื่องจากยังมีความบกพร่องในบางมาตรา จึงต้องมีการปรับปรุงให้ดีขึ้นและตัวบทมาตราต่างๆจะต้องมีการแก้ไขให้เป็นคุณต่อประชาชนทุกคนด้วย อย่างไรก็ตามเราทุกคนก็ควรสนับสนุนให้ทุกเพศไม่ถูกจำกัดสิทธิ์ เพราะความรักไม่ได้ถูกจำกัดแค่คำว่าเพศทุกคนจึงสามารถรักกันได้ เรื่องความรักไม่ใช่เรื่องของการแบ่งแยกเพศ การจะไปจำกัดเพศจำกัดสิทธิ์เขานั้นย่อมเป็นสิ่งที่เราไม่ควรกระทำ  

 

 

สนับสนุนโดย  ทดลองเล่นบาคาร่า

Continue Reading

ความรุนแรงในครอบครัว ที่นำไปสู่หายนะ

ต้องยอมรับเลยว่าในสังคมไทยมีการใช้ความรุนแรงภายในครอบครัวอยู่เยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นสามีใช้ความรุนแรงกับภรรยา พ่อหรือแม่ใช้ความรุนแรงกับลูก พ่อใช้ความรุนแรงกับแม่และลูก แม่ใช้ความรุนแรงกับพ่อและลูก เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดหายนะหลายอย่างได้ ชนิดที่คงไม่มีใครเคยคาดคิดมาก่อนด้วยว่าความรุนแรงเหล่านั้นจะก่อให้เกิดอะไรได้บ้าง

1.บาดแผลตามร่างกาย

ขึ้นชื่อว่าเป็นการใช้ความรุนแรงยังไงก็ย่อมมีบาดแผลอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นบาดแผลเล็กหรือใหญ่ก็คือบาดแผล ถึงไม่ทำให้เลือดตกยางออก เพียงแค่มีรอยฟกช้ำดำเขียวก็ถือว่าเป็นบาดแผลแล้ว หากเป็นบาดแผลเล็กน้อย รอยฟกช้ำก็สามารถทายาหรือรับประทานยาได้เอง แต่หากเป็นแผลใหญ่ที่ต้องถึงขั้นเข้าโรงพยาบาลเพื่อรักษาต้องใช้เวลานานถึงจะหาย บาดแผลเหล่านี้จะมีความเล็กใหญ่แปรผันไปตามความรุนแรงของผู้กระทำ ยิ่งผู้กระทำรุนแรงเท่าไร ผู้ถูกกระทำยิ่งเจ็บตัวมากเท่านั้น บางคนถึงขั้นบาดเจ็บสาหัส มีแผลเป็นติดตัวตลอดชีวิต หรือแย่ที่สุดคือเสียชีวิต แต่ไม่ว่ากรณีใดก็ไม่สมควรที่จะต้องมีใครถูกทำร้าย

2.บาดแผลในจิตใจ

บาดแผลตามร่างกายกว่าเจ็บปวดทรมานแล้ว บาดแผลในจิตใจเจ็บปวดทรมานมากกว่า เพราะผู้ถูกกระทำคงไม่อาจลบเลือนความทรงจำที่เลวร้ายเหล่านั้นออกไปได้ ภาพของการโดนทำร้าย การถูกกระทำยังคงวงเวียนอยู่ในหัวพันจนเป็นปูมผูกมัดในจิตใจ จนอาจทำให้ผู้ถูกกระทำมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปกลายเป็นคนเก็บตัว หวาดระแวง ซึมเศร้า ไม่ชอบเข้าสังคม และอาจคิดโทษตัวเองได้ บางคนมีอาการหนักถึงขั้นทำร้ายร่างกายตัวเองผลพวงมาจากอาการซึมเศร้า เรียกได้ว่าบาดแผลที่จิตใจนั้นรักษาให้หายยากกว่าตามร่างกาย ยาแรงๆก็ไม่อาจทำให้หายได้ การที่จะหายได้คงเหลือเพียงแค่เยียวยาสภาพจิตใจ ให้ผู้ถูกกระทำปรับเปลี่ยนความคิดใหม่ เปลี่ยนสภาพแวดล้อมใหม่ ไม่ให้ไปอยู่ในสภาพแวดล้อมเดิมที่อาจทำให้นึกถึงเรื่องราวเก่าๆได้

3.เกิดการเอาเยี่ยงอย่าง

แน่นอนอยู่แล้วว่าครอบครัวใดที่มีลูก ลูกจะต้องมีการลอกเลียนแบบพฤติกรรมจากพ่อแม่ ดังนั้นถ้าลูกได้เห็นความรุนแรงในครอบครัว ได้เห็นว่าการใช้ความรุนแรงในครอบครัวเป็นเรื่องปกติที่เขาต้องเจอทุกคน เขาจะเกิดการเอาเยี่ยงอย่างและคิดว่านั่นคือเรื่องปกติ เพราะได้เห็นจากพ่อแม่ สิ่งเหล่านั้นจะทำให้เด็กมีความรุนแรง นอกจากจะเอาความรุนแรงไปใช้กับเพื่อนแล้ว เมื่อโตขึ้นเขาก็มีโอกาสที่จะใช้ความรุนแรงกับพ่อแม่ และที่เลวร้ายไปกว่านั้นเมื่อเขามีครอบครัว เขาก็จะใช้ความรุนแรงกับครอบครัวด้วย เหมือนเป็นการส่งต่อความรุนแรงให้กับเด็ก แม้บุคคลที่ใช้ความรุนแรงหายไปก็ไม่อาจทำให้ความรุนแรงหายไปด้วย ความรุนแรงจะถูกส่งต่อให้กับเด็ก เหมือนการถ่ายทอด 

ถ้าเราอยากหยุดความรุนแรง หรืออยากให้ความรุนแรงหายไป เราต้องไม่ใช้ความรุนแรง ต่อต้านการใช้ความรุนแรง อย่าให้มีความรุนแรงใดเกิดขึ้นในสังคม โดยเฉพาะในครอบครัวที่จะเป็นสังคมแรกในการปลูกฝังขัดเกลาเด็กที่เป็นอนาคตของชาติ หากเราอยากให้สังคมมีแต่คนคุณภาพ เป็นสังคมที่ดีการต่อต้านความรุนแรงในครอบครัวจึงเป็นสิ่งเราทุกคนต้องร่วมใจช่วยกันทำ และอย่าเผลอตัวไปเป็นผู้ใช้ความรุนแรงซะเอง

 

สนับสนุนโดย  สล็อต777คาสิโนออนไลน์

Continue Reading

การศึกษาไม่ได้เป็นตัววัดคุณภาพชีวิต

บ่อยครั้งที่เรานั้นมักจะได้ยินคำพูดต่างๆมากมายว่าเรียนสูงๆแล้วจะได้ทำงานดีๆและจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีซึ่งในยุคปัจจุบันนี้นั้นต้องยอมรับเลยว่าการศึกษานั้นไม่ได้เป็นสิ่งที่การรันตีหรือเป็นตัววัดคุณภาพชีวิตที่ดีอีกต่อไปแล้ว เพราะในยุคปัจจุบันเป็นยุคที่มีการแข่งขันในด้านที่ธุรกิจที่สูง สำรับในยุคนี้คือคนที่สรมารถทำธุรกิจและประสบความสำเร็จได้นั้นคือคนที่ถือว่ามีคุณภาพชีวิตที่ดีเพราะเมื่อมรการทำสิ่งที่ตั้งใจสำเร็จก็จะทำให้มีเงืนและเนนั้นจะเป็นตัวบางบอกคุณภาพชีวิตขิงเรานั่นเองและคนที่สร้างธุรกิจในปัจจุบันนี้ก็ถือได้ว่าไม่ไฝช่คนที่มีความรู้และมีการศึกษาที่ดีมากนัก

คนขยันเท่านั้นที่จะสำเร็จ บางครั้งคนมีการศึกษาที่ดีก็ไม่ใช้ว่าจะสามารถประสบความสำเร็จได้ทุกคน เพราะอาจจะขาดความขยันไม่มีความพยายามที่มากพอที่จะทำสิ่งๆต่างๆและคนที่มีการศึกษาสูงๆส่วนใหญ่นั้นมักจะได้ทำงานในออฟฟิศเท่านั้นมีชีวิตหาเช้ากินค่ำไปวันๆ ดังนั้นแล้วคนที่ไม่ได้มีการศึกษาที่ดีนักแต่มีความขยัน เพียรพยายามในสิ่งที่จะทำและหลายๆคนที่ประสบความสำเร็จล้านก้เป็นคนที่ขียนและได้ได้มีการศึกษาที่ดีมากนักนั่นเอง

ความรู้เป็นสิ่งที่สามารถหาได้รอบตัว ไม่จำเป็นจะต้องมีการศึกษาที่ดีก็สามารถที่จะหาความรู้ต่างๆได้อยู่รอบตัวยิ่งในยุคสมัยนี้แล้วนั้นการศึกษาในสถาบันแทบไม่จำเป็นเลยเพราะเรานั้นสามารถที่จะหาความรู้ได้จากทางอินเตอร์และสื่สังคมออนไลน์ต่างๆได้ ดังนั้นความรู้เป็นสิ่งที่จะสามารถหาได้อยู่เสมอและสามารถเป็นสิ่งที่เราจะเรียนรู้เพื่อสร้างความสำเร็จให้ตัวเองได้ด้วย โดยไม่ต้องพึ่งการศึกษาเพราะเรานั้นสามารถที่จะเรียนรู้และศึกาด้วยตัวเองได้

มีความรู้แต่ไม่มีความสามารถที่จะนำความรู้ออกมาใช้ คนที่มีการศึกษาดีส่วนใหญ่มักจะมัลักษณะแบบนี้เพราะว่าชีวิตนั้นได้เรียนแต่เพียงภาคทฤษฎีแต่ไม่เคยได้มาลองปฏิบัติในชีวิตจริงและแน่นอนว่าทฤฏีกับการปฎิบัตินั้นมีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงทำให้เมื่อมีการจบออกมาและได้ทำงานจริงในบางครั้งไม่ได้สามารถเอาความรู้ที่ได้จาดดารเรียนนั้นมาใช้อย่างเต็มที่เพราะสิ่งที่เรียนกับสิ่งที่เจอนั้นบางครั้งก็ต้องใช้ประสบการณ์มากกว่าความรู้ ทำให้คนที่มีประสบการณืแต่ไม่ได้มีความรู้มากนักมักมักจะมีโอกาสที่จะะประสบความสำเร็จสูงมากกว่า

ความพยายามเป็นสิ่งที่ไม่มีที่สิ้นสุด แม้ไม่มีความรู้แต่มีความพยายามที่จะทำในสิ่งต่างๆ บวกกับสิ่งที่กล่าวไปข้างต้นไม่ว่าจะเป็นความขยันอดทน การหาความรู้ต่างๆรอบตัวกรสร้างประสบการณ์ให้กับตัวเองเชื่อว่าเรานั้นจะสามารถมีคุณภาพชีวิตที่ดีแม้เราจะไม่ได้มีการศึกษาที่ดีนั่นเอง และคนที่มีการศึกษาที่ดีอยู่แล้วนั้นหากได้ลองนำสิ่งนี้ไปปรับใช้ก็จะทำให้สามารถประสบความสำเร็จอย่างมากเช่นกัน

 

สนับสนุนโดย  จีคลับคาสิโนออนไลน์

Continue Reading