การเรียนหมอ

สิ่งที่ควรรู้ก่อนการเรียนหมอ

การเรียนหมอ การที่จะสามารถประกอบอาชีพหมอในการรักษาคนไข้ได้นั้นเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลยเพราะนอกจากจะต้องมีการเรียนที่หนักมากและจะต้องลงมือเพื่อปฏิบัติงานจริงในขณะที่ยังศึกษาอยู่และอรกสิ่งหนึ่งที่ควรรู้ไม่ต่างจากการเรียนหนักก็ตือการเรียนหมอนั้นเป็นการเรียนที่นานถึงนานมาก

การเรียนนานนี้คือเมื่อเวลาที่เรานั้นเรียนจบในช่วงมธยมปลายคือช่วงที่เรานั้นก้าวเข้าสู่อายุ 18 ปีและจะต้องเรียนหมออีก6ปี ใช้ทุนอีก3ปีและถ้าหากไม่มีการเรียนต่อเฉพาะทางก็จะเป็นเพียงแพทย์ทั่วไปแต่ถ้าหากอยากมีความชำนาญเฉพาะด้านก็อาจจะต้องเลือกศึกษาต่อเพื่อเป็นแพทย์เฉพาะทางนั่นเอง

ซึ่งก็จะต้องเพิ่มระยะเวลาในการเรียนเข้าไปอีกประมาณ3-5ปีซึ่งขึ้นอยู่กับการเลือกเรียนแพลทย์เฉพาะทางด้านไหนนั่นเอง ซึ่งคนที่ศึกษาต่อหลังจากแพทย์ทั่วไปก็จะถูกเรียกว่า Resident  หรือถ้าใครต้องการเรียนต่อแพทย์เฉพาะทางของเฉพาะทางอีกก็จะถูกเรียกว่า Fellow ก็จะเรียนสาขาหนึ่งไปอีกประมาณ3ปี

ซึ่งใช้เวลาเฉลี่ยทั้งหมดประมาณ14ปีถ้าหากต้องการเรียนเป็นแพทย์เฉพาะทางของเฉพาะทางนั่นเอง เนื่องด้วยการเรียนเป็นแพทย์นั้นใช้ระยะเวลาในการเรียนที่นานจึงทำให้ส่งผลไปถึงเวลาที่จะแต่งงานและมีลูกด้วยนั่นเองก็จะทำให้สิ่งเหล่านี้นั้นเกิดขึ้นช้าลงไปอีกนั่นเอง 

อย่าคิดว่าเรียนหนักแล้วจะทำงานสบาย เพราะการทำงานก็เป็นการทำงานที่หนักอีกนั่นเองซึ่งก็แล้วแต่สาขาว่าอาจจะสบายกว่าและบาวฃงสาขาอาจจะหนักกว่า แต่การจบหมอแม้จะมีการเรียนจบไปแล้วยังไงก็จะต้องมีการอยู่เวรข้ามคืน ยกตัวอย่างสำหรับหมอที่ได้รับฝากครรภ์จากคนไข้ที่ท้องก็จะต้องมีการเตรียมพร้อมเสมอว่า เมื่อคนไข้พร้อมคลอดหมอก็ต้องพร้อมที่จะทำคลอดนั่นเอง ดังนั้นจึงเกิดเป็นความไม่แน่นอนในวงจรชีวิตของการเป็นหมอนั่นเอง เพราะคนไข้นั้นอาจจะเกิดเหตุฉุกเฉินได้ทุกเมื่อ 

หมอนั้นเป็นคนที่ต้องทำงานกับคนเยอะมาก เพราะนอกจากทำงานกับคนไข้แล้วก็จะต้องทำงานกับญาติคนไข้รวมไปถึงผู้ร่วมงานต่างๆทั้งพยาบาลผู้ช่วยพยาบาลอาจารย์หมออีกเป็นจำนวนมาก เมื่อมีการทำงานกับคนจำนวนมากสิ่งที่ต้องรู้ก่อนจะเรียนหมอและเป็นสิ่งที่สำคัญมากก็คือจะต้องมีทักษะด้านการสื่อสารที่ดีนั่นเองและพร้อมที่จะฝึกและพัฒนาทักษะทางด้านนี้ด้วย

เพราะถ้าหากเราไม่พร้อมที่จะปรับตัวหรือพัฒนาก็อาจจะทำให้เรานั้นไม่มีความสุขในการทำงานนั่นเอง แลการสื่อสารจึงเป็นสิ่งที่สำคัญก็เพราะว่าถ้าหากไม่มีการสื่อสารที่ดีก็อาจจะไม่สามารถสื่อสารในสิ่งที่คนไข้เป็นได้ผิดพลาดอีกด้วย

 

 

สนับสนุนโดย   gclub